สนใจเรียนIELTS-TOEFL-GMATคลิ๊กที่นี่

  City Current
  City Current
  London
  Canberra
  Los Angeles
  New York
facebook skype


     
 
ชื่อ-นามสกุล : ธนัชพร ณิชาพงศ์ (หมิว)
 
ศึกษาอยู่ที่ : Undergraduate Pathway: BA (Hons) Business Administration, University of Portsmouth, UK
 
 

หลายท่านคงพอทราบกันดีว่าการเรียนปริญญาตรีที่อังกฤษจะใช้เวลา 3 ปี แต่หากจบ High School จากประเทศอื่นๆที่ไม่ใช่ในประเทศอังกฤษเองจะต้องเรียน Foundation Year 1 ปีก่อนที่จะเข้าเรียนปริญญาตรีอีก 3 ปีแล้วจึงจะจบ แต่สำหรับน้องหมิวเรียนจบ High School (Year 13) จากประเทศนิวซีแลนด์แล้วจึงเข้าไปเรียน Undergraduate Pathway กับ ICP Portsmouth ซึ่งจะเทียบเท่ากับ Year 1 (ถ้าคะแนน IELTS ผ่านตามเกณฑ์เรียบร้อยแล้ว) แล้ว Year 2-3 ก็จะเข้าไปเรียนใน University of Portsmouth ตอนนี้น้องหมิวก็เรียนจบกลับมาแล้วเรียบร้อย จึงอยากจะเชิญน้องหมิวมาช่วยแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆทราบว่า ทำไมถึงเลือกที่จะไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษคุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจหรือให้เราเลือกเอง

คุณพ่อคุณแม่ให้ลูกตัดสินใจและหาข้อมูลเองโดยที่ท่านก็รับฟังและสนับสนุน ต้องย้อนความไปนิดนึงว่าตอนช่วงที่หมิวเรียนอยู่ ม.5 ที่ไทยคุณพ่อกับคุณแม่คิดว่าอยากจะให้ลูกได้ภาษาและได้เห็นโลกกว้าง เราเลยคุยกันว่าอยากให้ไปเรียนต่างประเทศซักปีนึงแล้วค่อยกลับมาเรียนต่อป.ตรีที่ไทย เพราะคิดว่าการส่งลูกไปแต่ชั้นเล็กหน่อยจะช่วยให้ได้ภาษาจริงๆซึ่งตอนนั้นเลือกไปเรียน Year 12 ที่ประเทศนิวซีแลนด์ เพราะนอกจากภาษาแล้วทางบ้านก็คำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักด้วย พอเรียนไปได้ปีนึงแล้วก็คุยกับคุณพ่อคุณแม่ว่าเหมือนยังไม่ได้อะไรเท่าไหร่จึงตัดสินใจเรียนต่อ Year 13 พอจบกลับเมืองไทยมาก็ถึงคราวต้องตัดสินใจอีกครั้งว่าจะเอาอย่างไรกับมหาลัยดี ซึ่งจริงๆแล้วดูไว้หลายที่ทั้งที่ไทยและต่างประเทศ มีปัจจัยหลายอย่างด้วยทั้งภาษาระบบการเรียนที่ไม่เหมือนกันสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญค่าใช้จ่ายในขณะที่มหาวิทยาลัยในไทยที่ดูไว้เป็นอินเตอร์เพราะอยากใช้ภาษาอย่างต่อเนื่องด้วย เพราะกลัวว่าที่ได้ไปเรียนมาจะลืมหมด ส่วนที่ต่างประเทศตอนนั้นก็มองไว้คืออังกฤษกับอเมริกา เพราะอยากจะลองย้ายไปเรียนประเทศในโซนอื่นบ้าง ซึ่งสุดท้ายก็มาลงตัวที่ประเทศอังกฤษและก็ปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ซึ่งท่านก็เห็นด้วยที่เลือกไปอังกฤษเพราะชอบตรงที่เรื่องความปลอดภัยที่ถือว่ามีในระดับนึง และเรื่องโอกาสที่จะได้พบเจอกับอะไรที่หลากหลายมากขึ้นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทั้งผู้คนนอกจากนี้ในช่วงปิดเทอมหรือช่วงเรียนจบแล้วก่อนกลับไทยก็จะได้ไปเที่ยวในประเทศต่างๆทางแถบยุโรปด้วย สุดท้ายก็เลยเลือก Undergraduate Pathway ซึ่งถ้าคะแนน IELTS ผ่านตามเกณฑ์เรียบร้อยแล้วจะสามารถเข้า First Year Degree ได้เลยแล้วต่อ Year 2-3 ในมหาวิทยาลัยอีก 2 ปีซึ่งก็เท่ากับว่าเรียน 3 ปีก็จบปริญญาตรีแล้ว

 

คุณพ่อคุณแม่บางท่านจะเป็นห่วงมากว่าลูกน้อยจะไปใช้ชีวิตคนเดียวต่างแดนอย่างไร จะลำบากมั้ยจะมีสิ่งล่อลวงเยอะทำให้ลูกต้องเสียการเรียนติดเพื่อนหรือเปล่า จะขาดความอบอุ่นที่ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่หรือไม่ สุดท้ายเลยคำถามยอดฮิตคือ ลูกยังเด็กเกินไปหรือเปล่าที่จะไปอยู่ด้วยตัวคนเดียวแบบนั้น น้องหมิวคิดว่าอย่างไรบ้างคะ

จริงๆก็บรรลุนิติภาวะแล้วนะคะ ตอนตัดสินใจไปต่อป.ตรีที่อังกฤษก็อายุ 20 แล้วค่ะ อย่างที่บอกว่าอังกฤษก็ถือว่าเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยในระดับนึง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราก็ต้องดูแลตัวเองอยู่ดี การไปใช้ชีวิตคนเดียวที่ต่างประเทศก็ไม่ได้น่ากลัวหรือยากลำบากอะไร เพราะโดยนิสัยส่วนตัวหมิวเป็นคนรักอิสระและชอบอยู่ด้วยตัวเองคนเดียวอยู่แล้ว เรียนรู้ที่จะพึ่งตัวเองก่อนที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ตอนไปถึงแรกๆที่พักที่เค้าจัดไว้ให้จะเป็นแบบ shared flat ซึ่งเราก็ต้องแชร์ครัวห้องนั่งเล่นกับเพื่อนอีก 5 คนทั้ง flat ก็จะเรียนที่ ICP Portsmouth เหมือนกันหมด เป็นความทรงจำที่ดีมากค่ะ ตอนเช้าก็เดินไปเรียนด้วยกันได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวเพื่อการอยู่ร่วมกับเพื่อนๆที่ต่างเชื้อชาติต่างภาษา พอเริ่มเปิดเรียนเราก็เริ่มที่จะมีเพื่อนๆคนอื่นๆอีกที่เรียนห้องเดียวกัน ซึ่งนอกจากการได้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ต่างชาติแล้ว ก็ยังต้องดูแลรับผิดชอบเรื่องอาหาร ได้ทักษะการทำอาหารมาบ้าง ต้องดูแลทำความสะอาดห้องเอง ดูแลซักเสื้อผ้าตัวเอง และที่สำคัญต้องดูแลเรื่องเงินเอง เพราะบ้านคุณพ่อคุณแม่จะส่งเงินมาให้เป็นรายปีแล้วให้เราบริหารจัดการเอง ก็ถือว่าไม่ได้ลำบากแม้ว่าไม่ได้สบายเหมือนอยู่ที่บ้านแต่ก็ทำให้เราโตขึ้นเยอะเลย

ส่วนเรื่องว่าจะขาดความอบอุ่นมั้ย ก็ไม่นะคะเพราะเทคโนโลยีเดี๋ยวนี้ก็ทันสมัยใช้ skype โทรหาที่บ้านก็ฟรี แถมเห็นหน้ากันได้อีก ก็จะโทรคุยกับที่บ้านตลอดหมิวมีพี่น้อง 3 คนอยู่ด้วยกันก็มีทะเลาะกันบ้างตามประสา แต่พอแยกไปเรียนไกลก็จะกลายเป็นว่าคิดถึงกันมากขึ้น ทะเลาะกันน้อยลง ในทางกลับกันคุยและปรึกษากันมากกว่าตอนอยู่ด้วยกันซะอีก พอถึงช่วงปิดเทอมมีโอกาสก็บินกลับมาเยี่ยมที่บ้านบ้าง

 
 

พอไปเริ่มเรียนที่นั่นจริงๆแล้วชอบมั้ย การเรียนในห้องเรียนเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อนๆในชั้นเรียนมีที่เป็นคนอังกฤษเยอะมั้ยคะ เพราะอย่างน้องๆที่เรียนจบปริญญาโทกลับมาจะทราบกันดีว่าจะเจอเพื่อนที่เป็นชาวอังกฤษไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวเอเชียด้วยกันมากกว่า

ช่วงปีแรกเป็นเหมือนปีของการปรับตัว วิชาที่เรียนในปีแรกก็เป็นพื้นฐานอยู่ไม่ได้ยากอะไรมาก เรียนเป็น class เล็กไม่เกิน 20 คนส่วนตัวคิดว่าง่ายไปเหมือนกัน แต่พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย Year 2-3 แล้วก็เริ่มเรียนจริงจังมากขึ้นมีเรียน class ใหญ่ใน Lecture Theatre แล้วก็มี Seminar ที่จะแบ่งเป็นกลุ่มกลุ่มละประมาณ 10 คน ซึ่งจะเปลี่ยนสมาชิกในกลุ่มกันไปเรื่อยๆ ทำให้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันกับเพื่อนๆหลายๆคน โดยจะมีหัวข้อที่เกี่ยวกับการเรียนขึ้นมาแล้วทุกคนจะต้องแสดงความคิดเห็นในหัวข้อวันนั้น แรกๆเราก็ไม่ค่อยพูดชอบที่จะฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆมากกว่า แต่หลังๆเราก็เริ่มจะกล้าพูดกล้าแสดงความคิดเห็นมากขึ้น

ในช่วงปีแรกที่เรียน ICP เพื่อนๆส่วนใหญ่จะไม่มีคนอังกฤษเลย เพราะมันเป็นช่วงปรับพื้นสำหรับนักเรียนต่างชาติหมิวแทบจะเป็นคนไทยคนเดียวใน ICP แต่พอ Year 2-3 ที่เข้า University of Portsmouth เกือบ 70% เป็นคนอังกฤษใน class ก็ทำให้เราได้สัมผัสบรรยากาศการเรียนการสอนในแบบที่เราคาดหวังว่าจะได้เจอจริงๆ ซึ่งหมิวก็จะมีเพื่อนที่เป็นคนอังกฤษไม่เยอะเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ที่สนิทกันเพราะว่าทำงานกลุ่มด้วยกัน เพราะส่วนตัวรู้สึกว่าส่วนใหญ่เขาค่อนข้างจะถือตัวไม่เข้าหาชาติอื่นเท่าไหร่จะเกาะกลุ่มกันมากว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่บุคคลด้วย เพราะเพื่อนคนอังกฤษที่สนิทด้วยนิสัยดีมาก friendly ทำงานราบรื่นทำให้เราสนุกกับการทำงานไปด้วย

 

หลังจากเราเพิ่งจะเรียนจบมาหมาดๆเลยเนี่ย รู้สึกว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไรกับการเลือกไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษครั้งนี้

ข้อดีก็คือ รู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นนอกจากความรู้ทางด้าน Business Administration ที่ได้แล้วยังสามารถดูแลรับผิดชอบตัวเองได้ทั้งในเรื่องการเรียนและเรื่องส่วนตัว เรื่องภาษาเราก็ได้ฝึกภาษาอย่างเต็มที่เพราะไปอยู่ตั้ง 3 ปี แล้วก็ได้สัมผัสบรรยากาศการเรียนการสอนในอีกแบบซึ่งส่วนตัวแล้วรู้สึกดีใจมากที่มาทางนี้คิดว่าเลือกถูกมาก เพราะได้เรียนแบบอิสระเสรี ได้แสดงความคิดเห็น ได้เขียนรายงานในรูปแบบที่ได้เสนอในหลากหลายมุมมอง ได้พบเจอและทำความรู้จักกับเพื่อนต่างชาติต่างภาษาจนได้มา share ห้องกันกับเพื่อนชาวเวียดนามซึ่งเราก็เลือกแล้วว่าสำเนียงและภาษาของเขาดู fluent มาก การมาแชร์ห้องอยู่กับเค้าจะไม่ทำให้ภาษาเราแย่ลง (ตรงนี้ก็ต้องมีการคัดสรรอยู่เหมือนกัน ^^) ค่าครองชีพที่ Portsmouth ก็ไม่แพงมาแชร์ห้องอยู่กับเพื่อนมี 2 ห้องนอนมีครัวห้องนั่งเล่นลักษณะเหมือนเป็นคอนโด 2 ห้องนอนราคาต่อเดือนคนละ 475 ปอนด์เองรวมน้ำไฟแก๊ส TV license หมดแล้ว 

ส่วนข้อเสียก็ไม่ถึงกับเป็นข้อเสียซะทีเดียว หมิวว่าเป็นเรื่องของการปรับตัวมากกว่าตรงที่ถ้าบางคนไม่คุ้นชินกับการใช้ชีวิตด้วยตัวเองแบบนี้ก็อาจจะมองว่าเป็นข้อเสียได้ อาจจะหว้าเหว่ แต่ถ้าถามหมิวก็คงเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่แลกกับประสบการณ์ที่ได้แล้วหมิวว่าคุ้ม

 

สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงเพื่อนๆที่กำลังตัดสินใจหรือกำลังปรึกษาหารือกับผู้ปกครองของตนเองอยู่ว่าจะไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษหรือต่างประเทศบ้างคะ

ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ถ้าเราพร้อมทางบ้านพร้อมที่จะสนับสนุนเราก็ต้องเตรียมตัวหาข้อมูลให้ดีว่าที่ไหนจะเหมาะกับ lifestyle เราที่สุด เมืองใหญ่หรือเมืองขนาดกลางหรือจะชอบอยู่เมืองเล็กๆก็แล้วแต่ แล้วลองคุยกับผู้ปกครองดู แล้วลุยเลย คุณจะได้ประสบการณ์ ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับตัวเอง เป็นช่วงเวลานึงที่น่าจดจำของชีวิตเลยก็ว่าได้ แต่ที่สำคัญคือ ต้องแน่ใจว่าเราดูแลตัวเองได้ระดับนึง พร้อมที่จะปรับตัวและเปิดรับสิ่งใหม่ๆที่จะเข้ามา รวมถึงต้องพิจารณาให้เป็นว่าอะไรควรอะไรไม่ควร พยายามที่จะมีสติตลอดเวลาค่ะ

 
     
   
     
     
 
 
Home   |   About us   |   Our Services   |   Inter Study   |   Userful links   |   What's Hot   |   Experience Sharing   |   Contact us
Gateway Inter Study : 408/51 (12nd Fl.) Phahonyothin Place Phahonyothin road, Sam-Sen-Nai, Phayathai,Bangkok 10400
Copyright 2009 @ Gateway Inter Study. All Rights Reserved | Design by Performdesign.com