สนใจเรียนIELTS-TOEFL-GMATคลิ๊กที่นี่

  City Current
  City Current
  London
  Canberra
  Los Angeles
  New York
facebook skype


     
 
ชื่อ-นามสกุล : นายชลกานต์ ธรรมมงกุฎ (แซนด์)
 
ศึกษาอยู่ที่ : 4 wk Intensive English at Regent London followed by 3 wk Legal English Plus at Cambridge Law Studio
 
 

น้องแซนด์เป็นน้องที่ติดต่อเราเข้ามาผ่านทาง Email เนื่องจากน้องแซนด์ขณะนี้ศึกษาอยู่ที่ประเทศจีน ตอนติดต่อเรามาน้องก็เลือกเองเลยว่า จะไปภาษาประมาณ 1 เดือนที่ Regent London และต่อจากนั้นจะไปเรียนคอร์สภาษาที่เป็นเฉพาะทางเกี๋ยวกับทางด้านกฎหมาย (Legal English Plus) กับ Cambridge Law Studio ซึ่งก็อยากจะรบกวนน้องแซนด์ช่วยแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆทราบหน่อยว่า การเรียนการสอน บรรยากาศ สภาพแวดล้อม เป็นยังไงบ้าง เริ่มจาก Regent London ก่อนเลย ได้ข่าวว่าวันแรกที่ pre-test น้องแซนด์ได้ Advanced Level เลยทีเดียว

ก่อนอื่นคงต้องบอกว่าใครที่ต้องการมาเพียงแค่ฟื้นฟูภาษาอังกฤษ หรือฝึก Speaking ที่ Regent อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีครับ เพราะว่าเราจะได้พบกับเพื่อนใหม่จากหลายชาติแทบทุกอาทิตย์ ทุกๆเที่ยง ทุกๆเย็นก็อาจจะมีกิจกรรมร่วมกัน ทำให้มีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลา บรรยากาศการเรียนที่ Regent London เน้นไปที่การคุยกันซะส่วนใหญ่ อาจารย์จะให้โหวตว่าอาทิตย์อยากเรียนเรื่องอะไรในวันจันทร์ แล้วภายในอาทิตย์ก็จะคุยเรื่องนั้นกัน สิ่งที่ได้มากจากที่นี่คงเป็น Speaking  
 
แต่ถึงแม้จะอยู่ในคลาส Advanced แต่ผมรู้สึกว่าเนื้อหาที่สอนยังค่อนข้างทั่วไป แต่ส่วนตัวต้องการพัฒนาทักษณะด้าน Writing มากขึ้น จึงขอย้ายไปเรียนคลาส IELTS Writing แทน ซึ่งก็ดีขึ้น ทุกๆวันก็มีข้อสอบ IELTS จริงมาให้ฝึกเขียน บางวันก็จับเวลาจริงในห้องให้ฝึกเขียน ซึ่งก็มีประโยชน์สำหรับใครที่ต้องการเตรียมตัวสอบ IELTS ครับ
 
จุดเด่นมากๆของ Regent London คงเป็นที่ตั้งที่อยู่กลางลอนดอนสุดๆล่ะครับ ทำให้ Social Activities ในตอนเย็นสามารถจัดไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญๆใกล้ๆโรงเรียนได้ง่าย อย่างเช่น National Gallery, British Museum, Buckingham Palace, National Portrait Gallery ซึ่งทาง Regent มีอาจารย์ที่รอบรู้ด้านประวัติศาสตร์อังกฤษมากอยู่ท่านนึง ท่านจะเป็นคนนำไปเที่ยวที่เหล่านี้ในทุกๆครั้ง หากสนใจสามารถยืนคุยกับท่านได้เป็นชั่วโมงหลังเลิกเรียน ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
 
ที่พักระหว่างที่เรียนอยู่ที่ Regent London กับ Cambridge Law Studio น้องเลือกเป็น Homestay เป็นยังไงบ้าง มีปัญหาอะไรหรือไม่ และน้องแซนด์เลือกที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร
 
การเลือกอยู่กับ Host Family ทำให้ได้มีโอกาสฝึกทักษะในการพูดมากขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาว่าจะได้โฮสแบบไหน เพราะในลอนดอนส่วนใหญ่เค้าทำเป็นธุรกิจกันมากๆ โฮสบ้านแรกที่ไปอยู่มีปัญหาเรื่องจำกัดเวลาในการใช้ห้องน้ำ การกลับบ้านเร็วทำให้โฮสไม่สบายใจ(อาจจะเปลืองไฟบ้านเขา) ไม่เก็บอาหารเย็นไว้ให้หากกลับมาช้าทั้งๆที่เราจ่ายเงินไปแล้ว ทำให้รู้สึกไม่ค่อยสะดวกมากๆ สุดท้ายจึงตัดสินใจคุยกับทางโรงเรียน Regent ให้หาโฮสใหม่ให้ ซึ่งโชคดีมีเพื่อนในห้องเรียนคลาสเดียวกันเรียนจบในสัปดาห์แรกพอดีแล้วแนะนำว่า โฮสบ้านที่เค้าอยู่ดีมาก แล้วเค้าก็แนะนำเราไป ไปบอกกับโฮสเค้าว่าเราโอเคมากๆ รับเราไม่มีปัญหาแน่ๆ ทางโฮสใหม่ก็ตัดสินใจรับเรา ซึ่งหลังจากย้ายโฮสแล้วก็ดีจริงๆครับ โฮสใหม่ค่อนข้างเรียบง่าย เป็นกันเองมาก ในบ้านมีพ่อ แม่ ลูกสอง แล้วยังมีนักเรียนที่โฮสรับมาอีกสี่คน ทางโฮสจึงทำอาหารปริมาณเยอะมากทุกวัน ใครพร้อมเมื่อไหร่ก็มาตักทานเองได้เลย ทุกๆวันหลังมื้อเย็น ถ้าทานข้าวพร้อมกับโฮส เค้าก็ชวนคุยบ่อยๆ แนะนำให้เราไปที่นู้นที่นี่ครับ  
 
หลังจากย้ายไป Cambridge ผมโชคดีมาก ที่ได้โฮสใจดีมากๆ ทั้งบ้านมีแค่ผมกับโฮสแค่สองคน ถึงแม้จะอยู่ไกลจากโรงเรียน แต่โฮสใจดีมากๆ ทุกๆเย็นระหว่างทานอาหารจะชวนผมนั่งคุยนู้นคุยนี่กว่า 2-3 ชั่วโมง ถ้าหากเขาว่างก็ชวนเราออกไปเดินเล่น บางครั้งก็ไปช็อปปิ้งในเมือง ไปโบสถ์ด้วยกัน ออกไปหาวัตถุดิบมาทำขนมสำหรับเป็นของหวานในมื้อถัดไป วันไหนไม่อยากทานมื้อเที่ยงที่โรงเรียน เขาก็เตรียมแซนด์วิชให้เรา วันอาทิตย์ไปเที่ยวเมืองอื่นมา กลับมาหลังหกโมงเย็นที่แคมบริดจ์ก็ไม่มีรถบัสกลับบ้าน เขาก็ขับรถมารับ วันสุดท้ายต้องรีบไปขึ้นบัสตั้งแต่เช้าตรู่เขาก็ขับรถไปส่ง เป็นโฮสที่น่ารักมากๆเลย สำหรับเรื่อง Host Family คงบอกได้อย่างเดียวว่าแล้วแต่โชค แต่หากได้ไม่ดีแนะนำให้ขอเปลี่ยนทันทีครับ
 
 
แล้วพอย้ายมาเริ่มเรียน Legal English Plus ที่ Cambridge Law Studio แล้ว เป็นอย่างไรบ้าง เหมือนที่คาดหวังไว้มั้ย พูดถึงทั้งการเรียนการสอนและสภาพแวดล้อม
 
ถ้าถามว่าได้อะไรเยอะมั้ยจากคอร์สสามอาทิตย์นี้ คงบอกว่าเยอะมาก แต่เหมือนที่คาดไว้หรือไม่ คงต้องบอกว่าแตกต่างครับ เพราะก่อนไปคาดหวังที่จะได้เรียนคำศัพท์เฉพาะทางทางกฎหมาย อย่างพวก Legalese กับ ศัพท์ละตินหรือ preposition ที่ใช้ในงานกฎหมาย แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่างานเขียนทางกฎหมายของอังกฤษได้ปฏิรูปให้เป็นแบบ Plain English มากว่า 15 ปีแล้ว
 
CLS มีอาจารย์เพียงสามท่าน ซึ่งจะวนสอนกันคนละวิชา คือ Contract Law, Business Law และ Writing ซึ่งจะสลับกันไปในแต่ละวัน ทุกๆวันจะมีการบ้านในหนังสือคำศัพท์ที่ต้องไปท่องและทำโจทย์ และจะมีสอบทุกวันศุกร์เพื่อประเมินผล เป็นระบบการเรียนที่มีประสิทธิภาพมาก ในสัปดาห์แรกจะเริ่มปูพื้นฐานให้ก่อนว่าโครงสร้างระบบกฎหมายที่อังกฤษเป็นอย่างไร แล้วการปฏิรูปภาษาอังกฤษในกฎหมายเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง ทำให้เรารู้เป้าหมายที่ชัดเจนในการเรียน ในอาทิตย์ที่สองจะเรียนเนื้อหาจริงๆ เช่น โครงสร้างของ Business ในอังกฤษเป็นอย่างไร หากจะตั้งธุรกิจมีขั้นตอนทางกฎหมายยังไงบ้าง ต้องจ่ายภาษีอะไรบ้าง มีโอกาสได้ฝึก Negotiation บ่อย โดยเล่นบทบาทสมมติเมื่อเราเป็นทนายของบริษัทมาเจรจาร่างสัญญา ส่วนในอาทิตย์สุดท้ายจะเป็นการทบทวน เพื่อเตรียมสอบ TOLES ในวันสุดท้าย และพาออกไปดูเคสที่ The Old Baileys ในลอนดอน ซึ่งก็แล้วแต่ว่าวันนั้นจะเจอเคสอะไร
 
สิ่งที่ CLS สอนเน้นไปที่งานเขียนกฎหมายสมัยใหม่ การร่างสัญญา เป็นหลักสูตรที่เหมาะมากๆสำหรับ Practising Lawyer เพราะจะสามารถนำความรู้ที่เรียนไปใช้ได้จริง แต่ถ้าเป็นนักศึกษามาเรียนเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษด้านกฎหมาย คอร์สนี้อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์เท่าไหร่นัก จุดเด่นอย่างนึงในคอร์สนี้คือเรื่องการสอนความแตกต่างระหว่างคำศัพท์สองคำที่มีความหมายใกล้เคียงกันมากๆ แต่ในทางกฎหมายแล้วมีผลที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งอาจารย์จะสอนให้เราระวังว่าคำใดที่ไม่ควรเขียนลงไปในข้อสัญญา อย่างเช่น indemnify กับ compensate หรือ guarantee กับ warrantee ซึ่งมีคำพิพากษาในอดีตชี้ต่างของคำเหล่านี้ไว้แล้ว ถ้าหากเลือกคำผิดอาจจะทำให้บริษัทสูญเสียมหาศาลเลยก็ได้
 
สำหรับสภาพแวดล้อม CLS เลือกใช้สถานที่ที่ Girton College ของมหาลัย Cambridge ซึ่งห่างออกมาจากใจกลางเมืองประมาณ 15 นาที เป็น College เก่าแก่ที่สวยงามมากๆ หากจะเข้าเมืองก็มีรถบัสทุกๆ 20 นาที เนื่องจากช่วงที่อาศัยอยู่ในอังกฤษ 8 อาทิตย์ ผมก็ได้ใช้โอกาสไปเที่ยวเมืองอื่นๆกว่า 10 เมือง แต่คงปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆว่า Cambridge เป็นเมืองที่ผมประทับใจที่สุดใน England ด้วยความที่เมืองไม่เล็กไม่ใหญ่ ผู้คนเป็นมิตร บรรยากาศเหมาะแก่การเรียนมากๆ หลังเลิกเรียนสามารถไปเยี่ยมชม College ต่างๆ ที่กระจายอยู่ทั่วทั้งเมืองได้ การใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้เหมือนได้ย้อนกลับไปเดินอยู่ในห้วงประวัติศาสตร์ 800 กว่าปีของที่นี่ นับว่าเป็นเมืองที่มีสเน่ห์มากจริงๆ
             
สุดท้ายช่วยฝากถึงเพื่อนๆที่กำลังตันสินใจจะไปเรียนภาษาหน่อยทั้งแบบที่เป็นเรียนภาษาระยะสั้นเฉยๆและเรียนภาษาในแบบเฉพาะด้าน (ในที่นี้ น้องแซนด์เลือกไปเรียนภาษาระยะสั้นที่เกี่ยวกับทางด้านกฎหมาย) ว่าดีมั้ย คุ้มมั้ย อย่างไร aa
 
สำหรับเรื่องเรียนภาษาระยะสั้น ก่อนมาควรจะตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าอยากมาพัฒนาด้านไหนเป็นพิเศษ แล้วหาหลักสูตรที่ตรงกับที่ตัวเองต้องการ แต่ถ้าหากมีพื้นฐานดีพออยู่แล้ว แนะนำให้เรียนคอร์สเพื่อสอบไปเลยจะดีกว่า เพราะจะเข้มข้นและได้อะไรเยอะกว่ามาก ส่วน speaking ส่วนใหญ่ได้จากการคุยกับเพื่อน การออกไปเที่ยว และการได้นั่งคุยกับโฮส สำคัญที่สุดคือตัวเราเองต้องกระตือรือร้นที่จะฝึกพูด มีหลายๆคนบอกว่า เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ในอังกฤษโดยที่ไม่ต้องพูดภาษาอังกฤษเลยก็เป็นได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง ดังนั้นเราต้องตั้งเป้าหมายกับตัวเองให้ดี
 
สำหรับคอร์สเฉพาะด้าน คิดว่ามีประโยชน์มากๆ แถมคนส่วนใหญ่ที่มาเลือกคอร์สแบบนี้จะมีพื้นฐานภาษาอังกฤษดีมาก ดีกว่าที่มาเรียนคอร์สภาษาระยะสั้น เวลาคุยกับพวกเขาจะทำให้ภาษาเราพัฒนาเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งเนื้อหาที่คุยกันจะลงลึกไปทางด้านที่เราสนใจ ทำให้เราฝึกคิดเฉพาะทางเป็นภาษาอังกฤษได้เร็วขึ้น ส่วนเรื่องเนื้อหาของคอร์สที่ผมเลือกถึงแม้จะไม่ได้ตอบโจทย์ที่ตั้งไว้ตอนแรก แต่ได้รับความรู้และภาษาอังกฤษเดิมของผมก็พัฒนาขึ้นมากเพราะคอร์สนี้ คงต้องบอกว่าคุ้มครับ
 
     
   
     
     
 
 
Home   |   About us   |   Our Services   |   Inter Study   |   Userful links   |   What's Hot   |   Experience Sharing   |   Contact us
Gateway Inter Study : 408/51 (12nd Fl.) Phahonyothin Place Phahonyothin road, Sam-Sen-Nai, Phayathai,Bangkok 10400
Copyright 2009 @ Gateway Inter Study. All Rights Reserved | Design by Performdesign.com