|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ประเทศออสเตรเลีย (Australia) |
|
|
|
|
|
|
แผนที่ (Map) |
|
|
|
|
|
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น |
|
|
รู้จักประเทศออสเตรเลีย
ออสเตรเลียประเทศใหญ่อันดับ 6 ของโลก เป็นประเทศเกาะที่ใหญ่ที่สุด ขณะเดียวกันก็เป็นทวีปที่เล็กที่สุด มีพื้นที่ราบและกึ่งทะเลทรายมากที่สุดในโลก ประชากรพื้นเมืองดั้งเดิมคือชนพื้นเมืองอะบอริจิน ประเทศออสเตรเลียตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไทย แบ่งออกเป็น 6 รัฐ และ 2 มณฑลการปกครอง แต่ละรัฐมีเมืองหลวง ดังนี้
Australian Capital Territory (ACT)
มณฑลนครหลวงนี้ เป็นที่ตั้งของ “กรุงแคนเบอร์ร่า” (Canberra) เมืองหลวงของออสเตรเลียซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐสภาและรัฐบาลสหพันธรัฐ เป็นที่ตั้งของสถานทูตต่างๆ รวมถึงสถานทูตไทย เป็นเมืองเล็กและใหม่ที่สุด เป็นเมืองที่วางผังเมืองดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ไม่แออัด เป็นเมืองหลวงที่ผู้คนไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ แต่ไม่มีท่าอากาศยานระหว่างประเทศ
New South Wales (NSW)
รัฐนิวเซาท์เวลส์มีภูมิประเทศตั้งแต่ทะเล ภูเขา เป็นรัฐที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม มีเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในออสเตรเลียคือ “ซิดนีย์” (Sydney) ทำให้ที่นี้ยังมีสิ่งที่แสดงถึงประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานของชาวยุโรป ภูมิอากาศของนิวเซาท์เวลส์เป็นแบบสบายๆ ทำให้เป็นรัฐยอดนิยมของออสเตรเลีย มีท่าอากาศยานนานาชาติ Kingsford-Smith ที่ซิดนีย์ ทั้งนี้ซิดนีย์ มีประชากรกว่า 4ล้านคน ให้ความรู้สึกเป็นสีสัน คึกคัก นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีคนไทย และนักเรียนไทยมากที่สุด สัญลักษณ์ของซิดนีย์คือโอเปร่าเฮาส์ (Opera House) และสะพานข้ามอ่าว (Sydney Habour Bridge)
Northern Territory (NT)
เหนือสุดทวีป (Top End)มีประวัติศาสตร์ของชาวพื้นเมืองอะบอริจิน โดยพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นของชาวอะบอริจิน และสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ที่มีความงดงาม และแปลกอย่าง Uluru (Ayers Rock) ซึ่งเป็นก้อนหินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประชากรส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ที่เมือง “ดาร์วิน” (Darwin) ซึ่งเป็นเมืองหลวงขนาดเล็กแต่ก็เป็นเมืองสะดวกสบาย ภูมิอากาศที่NT อากาศร้อนในตอนกลางวันตลอดปี
Queensland (QLD)
เป็นรัฐแห่งการท่องเที่ยวของออสเตรเลีย ได้ชื่อว่า Sunshine State อากาศเย็นสบายตลอดปี มีชายหาดที่งดงาม ทั้งยังมีแนวหินปะการัง Great Barrier Reef ที่ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลก เมือง “บริสเบน” (Brisbane) เป็นเมืองหลวงมีประชากรประมาณ 1.8ล้านคน ผู้คนเป็นมิตร ใกล้ๆ กับบริสเบนมีเมืองที่เป็นสวรรค์ของนักโต้คลื่นคือโกลด์โคสต์ (Gold Coast) และซันชายน์โคสต์ (Sunshine Coast) สำหรับผู้ที่ชอบพักผ่อนกับชายหาดงาม
South Australia (SA)
พื้นที่ 3ใน 4 ส่วนเป็นกึ่งทะเลทราย ผู้คนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย สุภาพ ถึงแม้จะเป็นรัฐที่แห้งแล้งแต่รัฐเซาท์ออสเตรเลียมีชื่อเสียงในด้านการผลิต และส่งออกไวน์ ซึ่งทำให้การทำงานในไร่องุ่นเป็นที่นิยมของนักเรียนในช่วงปิดเทอม เมือง “อะดิเลด” (Adelaide) เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านศิลปะวัฒนธรรม มีโบสถ์อยู่ทุกหนแห่ง และสวยงาม
Victoria (VIC)
ประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลีย เป็นรัฐที่มีธรรมชาติที่สวยงาม มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย อากาศสบายๆ รัฐวิคทอเรียเป็นรัฐที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย บางวันอาจมีถึง 4ฤดู จึงมีชื่อว่าดินแดนสี่ฤดู “เมลเบิร์น” (Melbourne) เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากซิดนีย์ และมีนักเรียนไทยมากเป็นอันดับ 2 รองจากซิดนีย์เช่นกัน เป็นเมืองที่มีผังเมืองที่ดีเดินทางสะดวก และนอกจากเป็นเมืองที่ให้ความรู้สึกแบบยุโรปแล้ว ยังมีสวนสาธารณะที่สวยงามทั่วเมืองจึงได้ชื่อว่าเป็น Garden State
Western Australia (WA)
รัฐขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ทางฝั่งตะวันตกของทวีปออสเตรเลียเกือบทั้งหมด และมีพื้นที่เป็นทะเลทรายกั้นไว้จากรัฐอื่น แต่ทั้งนี้ชายฝั่งทะเลของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียก็มีชื่อเสียงด้านชายหาดที่สวยงาม อุดมไปด้วยเหมืองแร่ และแร่ทองคำ และยังเป็นแหล่งผลิตเพชรเป็นอันดับ 3 ของโลก “เพิร์ธ” (Perth) เป็นเมืองที่ขยายตัวเร็วที่สุดได้รับมติให้เป็นเมืองแห่งอนาคตหนึ่งในสิบอันดับแรกของโลก เป็นเมืองสะอาด มีผู้คนที่เป็นมิตร และน่าอยู่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
Tasmania (TAS)
เกาะทัสมาเนีย เป็นรัฐที่เล็กที่สุดในออสเตรเลีย ตั้งอยู่ห่างจากรัฐวิคตอเรียแผ่นดินใหญ่ 240 กม. เมืองหลวงคือ “โฮบาร์ท” (Hobart) มีบรรยากาศสบายๆ เป็นที่ตั้งของโบราณสถานมากมาย ด้วยภูมิประเทศที่เป็นเกาะ และอยู่ทางใต้สุดของออสเตรเลียทำให้อากาศที่นี้หนาวเย็น และมีฝนตกตลอดปี ในช่วงฤดูหนาวจะมีหิมะตกบนบริเวณภูเขา การเดินทางระหว่างทัสมาเนียและแผ่นดินใหญ่โดยเครื่องบิน หรือเรือเฟอร์รี่ มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายไม่ว่าจะเป็นตลาดกลางแจ้ง, หอศิลป์ หรือท่าเรือเก่าที่มีสถาปัตยกรรมที่งดงาม ด้วยทิวทัศน์ที่สวยงามของทัสมาเนียจึงได้ชื่อว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์ออสเตรเลีย” |
|
|
|
|
|
ฤดูกาล |
ฤดูร้อน |
ธันวาคม – กุมภาพันธ์ |
ฤดูใบไม้ร่วง |
มีนาคม – พฤษภาคม |
ฤดูหนาว |
มิถุนายน – สิงหาคม |
ฤดูใบไม้ผลิ |
กันยายน – ตุลาคม |
|
|
|
|
|
|
|
ภูมิอากาศ |
เมือง |
ฤดูร้อน |
ฤดูหนาว |
ดาร์วิน |
25c-33c |
20c-33c |
บริสเบน |
19c-30c |
10c-25c |
แคนเบอร์ร่า |
11c-28c |
0c-16c |
ซิดนีย์ |
17c-26c |
8c-20c |
เมลเบิร์น |
13c-26c |
6c-17c |
เพิร์ธ |
17c-30c |
9c-20c |
โฮบาร์ท |
11c-22c |
3c-15c |
|
|
|
|
|
|
|
เวลาของออสเตรเลีย (Time Zone)
ด้วยความที่ออสเตรเลียเป็นประเทศใหญ่ทำให้เวลาของแต่ละที่แตกต่างกันแบ่งได้ 3โซนตามมาตรฐานกรีนิช (Greenwich Mean Time ,GMT) ดังนี้
- Eastern Standard Time ,EST เร็วกว่าเวลา GMT 10ชม. และเร็วกว่าประเทศไทย 3ชม. ใช้ในรัฐNew South Wales ,Victoria ,Tasmania ,Queensland และCanberra
- Central Standard Time ,CST เร็วกว่าเวลา GMT 9.5ชม. และเร็วกว่าประเทศไทย 2ชม.ครึ่ง ใช้ในรัฐ South Australia และ Northern Territory
- Western Standard Time ,WST เร็วกว่าเวลา GMT 8ชม. และเร็วกว่าประเทศไทย 1ชม. ใช้ในรัฐ Western Australia
*Daylight saving : ในช่วงฤดูร้อนเวลากลางวันของออสเตรเลียจะยาวนานกว่าในช่วงกลางคืน ดังนั้นเวลาของ NSW, VIC,SA และTAS จะปรับเวลาเร็วกว่าเดิม 1ชม. ตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงมีนาคม
ระบบการศีกษา (Study in Australia)
ด้วยออสเตรเลียเป็นประเทศที่ปลอดภัย สะดวกสบาย มีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะแก่การศึกษา การใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ทั้งยังมีหลักสูตรให้เลือกหลากหลาย รวมถึงความเข้มข้นของการศึกษา มีคุณภาพสูง และได้รับการกำกับดูแลให้ได้มาตรฐานจากรัฐบาล นักเรียนที่จบการศึกษาจากออสเตรเลียจึงเป็นที่ยอมรับ ทำให้เป็นประเทศที่นักเรียน |
|
|
|
|
|
หลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนต่างชาติ (ELICOS)
English Language Intensive Course for Overseas Students เป็นหลักสูตรสำหรับนักเรียนต่างชาติจากประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาในการสื่อสาร ทั่วไปจะเปิดสอนแบบเต็มเวลา กำหนดเวลาอย่างน้อย 20 ชม. ต่อสัปดาห์ เปิดรับตลอดทั้งปี โดยก่อนเริ่มเรียนนักเรียนต้องสอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษ (Placement Test) เพื่อสถาบันจะได้จัดระดับชั้นเรียนที่เหมาะสมแก่นักเรียน สถาบันที่เปิดสอนทั้งหมดต้องผ่านการตรวจสอบและจดทะเบียนกับรัฐบาล เพื่อได้รับการรับรองวิทยฐานะและตรวจสอบประเมินผลคุณภาพจากคณะกรรมการรับรองวิทยฐานะสถาบันภาษาอังกฤษแห่งชาติ (National ELICOS Accreditation Scheme – NEAS) ทั้งนี้นักเรียนสามารถเลือกเรียนในหลักสูตรที่ต้องการโดยดูจากผลการสอบวัดระดับ ดังนี้
ภาษาอังกฤษทั่วไป (General English) เหมาะสำหรับนักเรียนที่ต้องการพัฒนาการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน เน้นทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน ซึ่งจะมีตั้งแต่ระดับพื้นฐานถึงระดับสูง ระยะเวลาเรียนตั้งแต่ 2สัปดาห์ขึ้นไป
ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อ หรือเชิงวิชาการ (English for Academic Purpose) หลักสูตรเพื่อนักเรียนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นประจำ หรือต้องการศีกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ซึ่งจะเน้นทักษะที่นอกเหนือจาการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน เช่นการเขียนรายงาน การเขียนเชิงวิชาการ การอ่าน และการนำเสนอหน้าชั้นเรียน เป็นต้น
ภาษาอังกฤษธุรกิจ (Business English)
หลักสูตรเพื่อนักเรียนที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในด้านธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนจดหมายโต้ตอบทางธุรกิจ การพูดโทรศัพท์ เขียนรายงานและเขียนบันทึกช่วยจำ เป็นต้น
ภาษาอังกฤษเพื่อการเตรียมตัวสอบวัดผล (English for Examination Preparation)
เพื่อเตรียมความพร้อมในการสอบวัดผล IELTS ,TOEFL และCambridge
ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยวและทัศนศึกษา (Study Tour)
สำหรับนักเรียนที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษในช่วงสั้นๆ 2-6 สัปดาห์ ซึ่งตลอดหลักสูตรสถาบันจะจัดกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการพานักเรียนไปท่องเที่ยวควบคู่กับการเรียนภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อระดับมัธยม (English for High School Preparation)
เป็นหลักสูตรที่จำเป็นสำหรับนักเรียนที่ต้องการเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาในออสเตรเลีย เน้นทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษรวมถึงด้านวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ รวมถึงทักษะที่ต้องใช้ในการเรียนมัธยม
อาชีวศึกษา และการผึกอบรม (Vocational Education and Training -VET)
หลักสูตรอาชีวศึกษานอกจากที่เปิดสอน และดูแลโดยรัฐ หรือที่เรียกว่า TAFE (Technical and Further Education) ยังมีของเอกชน หรือPrivate College หลักสูตรจะเน้นในด้านการปฎิบัติมากว่าด้านทฤษฎี วัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนได้นำไปใช้ได้จริงในการทำงาน เป็นคุณวุฒิที่มีมาตรฐานสูง มีหลักสูตรให้นักเรียนเลือกหลากหลาย เช่น การโรงแรม และการท่องเที่ยว ,การออกแบบ และด้านคอมพิวเตอร์ เป็นต้น นอกจากนี้วิทยาลัยบางแห่งเปิดสอนหลักสูตรเชื่อมต่อกับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัย เมื่อจบหลักสูตรอาชีวศึกษา นักเรียนสามารถเรียนต่อในระดับปริญญาตรีได้ โดยอาจได้รับยกเว้นวิชาเรียนบางส่วน ซึ่งเป็นที่นิยมของนักเรียนเนื่องจากประหยัดทั้งเวลา และค่าใช้จ่าย คุณวุฒิที่ได้รับ ดังนี้
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1-4 (Certificate I-IV) หลักสูตรปูพื้นฐานเน้นความรู้เชิงปฎิบัติ สำหรับผู้ที่ประสงค์จะศึกษาต่อในสาขาเฉพาะต่อไป ระยะเวลาเรียนตั้งแต่ 6เดือน ถึง 1ปี
อนุปริญญา (Diploma) หลักสูตรที่เรียนภาคทฤษฎี ระดับปฏิบัติการและวางแผน นอกจากเป็นหลักสูตรพื้นฐานสำหรับนักเรียนที่ต้องการศึกษาในระดับปริญญาตรีแล้ว ยังเป็นหลักสูตรที่เหมาะสำหรับคนทำงานที่ก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ผู้ที่จบอนุปริญญาหากต้องการศึกษาต่อปริญญาตรีในสาขาวิชาใกล้เคียงกันจะได้รับการโอนหน่วยกิตได้ประมาณ 1ปี ระยะเวลาหลักสูตรประมาณ 2ปี
อนุปริญญาขั้นสูง (Advance Diploma) หลักสูตรเน้นทักษะเชิงปฎิบัติระดับสูง มีวิชาที่เชื่อมโยงกับหลักสูตรปริญญาตรี และยังสามารถเทียบโอนหน่วยกิตได้มากกว่ารับอนุปริญญา ระยะเวลาหลักสูตร 2-3ปี
ปริญญาตรี (Bachelor Degree)
เวลาเรียนขั้นต่ำ 3ปี ขึ้นอยูกับสาขาที่เรียน การรับนักศึกษาจะพิจารณาจากผลการเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทั้งนี้สำหรับนักเรียนต่างชาติจะมีหลักสูตรเตรียมพื้นฐาน(Foundation Studies) ที่ช่วยให้นักเรียนสามารถปรับตัวก่อนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยใช้เวลาประมาณ 1ปี
ปริญญาตรีเกียรตินิยม (Bachelor Degree with Honours)
หลักสูตรที่ต้องเรียนเพิ่มจากการเรียนปริญญาตรีปกติอีก 1ปี เนื้อหาของหลักสูตรจะมีทั้งบรรยายในชั้นเรียน และทำวิทยานิพนธ์ ผู้ที่จบหลักสูตรนี้ซึ่งผลการเรียนดีเยี่ยม และได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จะได้รับการรับรองวุฒิให้เท่ากับปริญญาโท และสามารถศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกได้ทันที
ปริญญาโท (Master Degree)
เวลาเรียน 1-2ปี ขึ้นอยู่กับสาขาวิชา และลักษณะการเรียน
- Coursework เป็นการเข้าฟังบรรยายในชั้นเรียน และเก็บคะแนนจากการสอบ
- Thesis เป็นการเรียนแบบทำวิทยานิพนธ์
- Coursework and Thesis เป็นการเรียนทั้งแบบฟังบรรยาย และทำวิทยาพนธ์
บางมหาวิทยาลัยอาจขอให้นักศึกษาลงทะเบียนเรียนหลักสูตรอื่นเพิ่มเติม ดังนี้
ประกาศนียบัตรบัณฑิต (Graduate Certificate /Postgraduate Certificate) เป็นหลักสูตรที่ทำให้นักศึกษาพัฒนาความรู้ในสาขาที่เรียนมากขึ้น บางมหาวิทยาลัยใช้เป็นหลักสูตรประเมินผลสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อระดับปริญญาโทแต่คุณสมบัติยังไม่เหมาะสม ระยะเวลาเรียนประมาณ 6เดือน
อนุปริญญาโท (Graduate Diploma /Postgraduate Diploma) หลักสูตรสำหรับนักศึกษาที่ต้องการพัฒนาความรู้ในสาขาวิชาที่แตกต่างจากที่เรียนจบจากปริญญาตรี หลายมหาวิทยาลัยจัดให้หลักสูตรอนุปริญญาโทเป็นหลักสูตรปีแรกของปริญญาโท ระยะเวลาเรียนประมาณ 6เดือน ถึง 1ปี
ปริญญาเอก ( Doctoral Degree)
ใช้เวลา 3-5ปี เป็นหลักสูตรวิจัยค้นคว้า หรือการทำวิทยานิพนธ์อย่างเดียว ผู้เรียนต้องวิจัยค้นคว้าด้วยตัวเอง และจัดทำวิทยานิพนธ์ โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำ ดังนั้นนักเรียนควรมีพื้นฐานด้านการทำการวิจัยมาก่อน ปัจจุบันมีบางมหาวิทยาลัยได้เพิ่มหลักสูตรแบบเข้าชั้นเรียนด้วย
เอกสารที่จำเป็นในการสมัครระดับอุดมศึกษา
- ใบสมัครของสถานศึกษา
- หนังสือเดินทาง (Passport)
- หลักฐานการศึกษาเป็นภาษาอังกฤษ (Transcript)
- ผลสอบ IELTS (ถ้ามี) และ GMAT (สำหรับสาขา MBA บางมหาวิทยาลัย)
- ใบผ่านงาน (สำหรับบางสาขา)
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|